Surge Protector คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับอุปกรณ์ไฟฟ้า

Surge Protector หรือ ปลั๊กกันไฟกระชาก คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จากแรงดันไฟฟ้าที่สูงกว่าปกติ (ไฟกระชาก) โดยจะทำหน้าที่ดูดซับหรือเบี่ยงเบนกระแสไฟฟ้าที่เกินมาตรฐานออกไปสู่สายดิน เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายส่งผลถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า
หัวข้อ
Surge Protector คืออะไร?

Surge Protection หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า Surge Protective Device (SPD) คืออุปกรณ์สำคัญในระบบไฟฟ้าที่ทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีค่าจากความเสียหายที่เกิดจาก ไฟกระโชก (Surge) หรือ แรงดันไฟฟ้าสูงเกินปกติชั่วขณะ (Transient Overvoltage) โดยไม่ให้แรงดันไฟที่สูงเกินนี้ไหลผ่านเข้าไปในอุปกรณ์ได้โดยตรง สาเหตุของไฟกระชากหลัก ๆ มาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า (ทั้งแบบโดยตรงและโดยอ้อม) และการสลับการทำงาน (เปิด-ปิด) ของเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ในระบบ ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟฟ้าอย่างรวดเร็วและรุนแรง
หลักการทำงานของ SPD คือการเบี่ยงเบนกระแสและแรงดันไฟฟ้าที่สูงเกินกว่าระดับปกติให้ไหลลงสู่ สายดิน (Ground) อย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดไฟกระชาก อุปกรณ์จะทำหน้าที่เหมือนสวิตช์อัตโนมัติที่มีความต้านทานต่ำมากชั่วขณะเพื่อระบายพลังงานส่วนเกินทิ้งไป จากนั้นก็จะกลับสู่สถานะความต้านทานสูงตามปกติ เพื่อให้ระบบไฟฟ้ายังคงทำงานได้ตามปกติ
ไฟกระชากคืออะไร?
ไฟกระชาก (Power Surge) คือการที่แรงดันไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันเหนือกว่าระดับปกติ เช่น จาก 220 โวลต์ ขึ้นไปถึง 300 โวลต์หรือมากกว่านั้น สาเหตุหลักๆ ได้แก่
- ฟ้าผ่า
- การเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น แอร์ ตู้เย็น
- ความผิดปกติจากระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าฯ
- ปัญหาจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ
การทำงานของ Surge Protector
Surge Protector มักจะมีอุปกรณ์สำคัญที่เรียกว่า MOV (Metal Oxide Varistor) ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง เมื่อแรงดันไฟฟ้าเกินขีดจำกัด MOV จะดูดซับพลังงานส่วนเกินและส่งไปยังสายดิน ทำให้แรงดันที่เข้าสู่อุปกรณ์ไฟฟ้ายังคงอยู่ในระดับปลอดภัย
Surge Protection ประเภทและการติดตั้งแบบชั้นเชิง (Cascading Protection)

ตามมาตรฐานสากล (เช่น IEC 61643-11) อุปกรณ์ Surge Protection ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามความสามารถในการรองรับกระแสไฟกระชากและตำแหน่งการติดตั้งในระบบไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการป้องกันแบบหลายชั้น (Zones of Protection)
1. Type 1 SPD (แนวป้องกันด่านแรก)
Type 1 SPD คือแนวป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดและถูกติดตั้งที่ ต้นทาง ของระบบไฟฟ้า เช่น ที่ตู้เมนหลัก (Main Distribution Board: MDB) หรือบริเวณทางเข้าสายไฟฟ้าหลักเข้าสู่อาคาร อุปกรณ์ประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกระแสไฟกระชากที่มีความรุนแรงและมีพลังงานสูงที่สุด โดยเฉพาะที่เกิดจาก ฟ้าผ่าโดยตรง ที่เข้ามาทางสายส่งไฟฟ้า จึงต้องสามารถรองรับรูปคลื่นกระแสฟ้าผ่าขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Type 2 SPD (แนวป้องกันระดับกลาง)
Type 2 SPD มักจะติดตั้งที่ แผงควบคุมไฟฟ้าย่อย (Distribution Board) ภายในอาคาร โดยมีหน้าที่ลดทอนพลังงานไฟกระชากที่รอดมาจาก Type 1 หรือไฟกระชากที่เกิดจากการสลับโหลดของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในอาคารเอง Type 2 นี้มีความสามารถในการรองรับกระแสไฟกระชากที่น้อยกว่า Type 1 แต่ก็มีความสำคัญในการจำกัดแรงดันไฟฟ้าไม่ให้สูงเกินกว่าที่อุปกรณ์ภายในจะรับได้ โดยจะทดสอบด้วยรูปคลื่นกระแสไฟกระชากที่อ่อนลงมา
3. Type 3 SPD (แนวป้องกันอุปกรณ์ปลายทาง)
Type 3 SPD เป็นแนวป้องกันชั้นสุดท้ายที่ติดตั้งอยู่ ใกล้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการปกป้อง มากที่สุด โดยทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบของปลั๊กพ่วงป้องกันไฟกระชาก (Surge Strip) หรือเต้ารับที่มีระบบป้องกันในตัว หน้าที่ของมันคือการกำจัดไฟกระชากขนาดเล็กที่หลงเหลือมาตามสายไฟ เพื่อป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดอ่อนสูง เช่น คอมพิวเตอร์ ระบบสื่อสาร หรือเครื่องมือแพทย์
ประโยชน์ของการใช้ Surge Protector
- ป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์ไฟฟ้า – ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ราคาแพง เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี หรือเครื่องเสียง
- ลดความเสี่ยงไฟไหม้ – ไฟกระชากอาจทำให้วงจรไฟฟ้าเกิดความร้อนสูงจนเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ได้
- เพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน – โดยเฉพาะในสำนักงานที่ใช้อุปกรณ์ไอทีหลายเครื่องพร้อมกัน
- มีฟังก์ชันเสริม – บางรุ่นมาพร้อมช่องเสียบ USB หรือเบรกเกอร์ในตัว
วิธีเลือก Surge Protector ที่เหมาะสม
- ดูค่าการป้องกัน (Joule Rating) ยิ่งค่าสูงยิ่งป้องกันได้มาก
- จำนวนช่องเสียบ เลือกตามการใช้งานจริง
- มีสายดิน เพื่อระบายไฟส่วนเกินได้อย่างปลอดภัย
- มาตรฐานรองรับ เช่น มอก. หรือมาตรฐานสากล
- เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยระยะยาว
อีกทางเลือกสำหรับอุปกรณ์ที่ช่วยในการป้องกันไฟกระชากคือ UPS

เครื่องสำรองไฟฟ้า หรือ UPS (Uninterruptible Power Supply) คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง เมื่อเกิดปัญหาไฟดับ ไฟตก หรือไฟเกิน โดยฟังก์ชันพื้นฐานของ UPS ทุกเครื่องคือการมี Surge Protection ในตัว ซึ่งช่วย ป้องกันไฟกระชาก ที่มาจากระบบสายส่งไฟฟ้า ไม่ให้สร้างความเสียหายโดยตรงกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำคัญที่ต่อพ่วงอยู่ นอกจากนี้ UPS ยังช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ (Stabilize) ก่อนส่งไปให้เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นการป้องกันความผิดปกติของไฟฟ้าอื่น ๆ นอกเหนือจากไฟกระชากด้วยครับ
ข้อควรรู้และคำแนะนำ
- Surge Protector ไม่สามารถป้องกันไฟดับหรือไฟตกได้ แต่เน้นป้องกัน ไฟกระชากเท่านั้น
- ควรเปลี่ยน Surge Protector เมื่อใช้งานไปสักระยะ เพราะ MOV มีอายุการใช้งานจำกัด
- อย่าเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น แอร์ เครื่องซักผ้า เพราะกินไฟเกินกว่าที่ Surge Protector รองรับ
สรุป
Surge Protector คือ อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยปกป้องเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากไฟกระชาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การลงทุนซื้อปลั๊กกันไฟกระชากที่มีคุณภาพดีถือเป็นการป้องกันความเสียหายและช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างคุ้มค่า
ติดต่อเรา
หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกเครื่องสำรองไฟ UPS ที่เหมาะกับงานของคุณ สามารถติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญ Plantdigi เพื่อขอคำปรึกษาและโปรโมชั่นพิเศษได้เลยวันนี้
- ที่อยู่ : 179/94 ถนนนาวงประชาพัฒนา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
- LINE : @Plantdigi
- Facebook : Plantdigi Technology
- เบอร์โทร : 02-140-0892
- เบอร์โทร : 089-314-3423 (มือถือ)
- เว็บไซต์ : www.plantdigiups.com
บริษัท แพลนท์ดิจิ เทคโนโลยี่ โซลูชั่น จำกัด
จำหน่ายเครื่องสำรองไฟ UPS พร้อมบริการให้คำปรึกษาฟรี!





