
ทำไมต้องเปลี่ยน UPS Battery? เปลี่ยนทำไม เปลี่ยนแล้วดียังไง แล้วควรเปลี่ยนตอนไหน?
ตรวจสอบแบตเตอรี่ UPS UPS Battery เป็นหัวใจสำคัญของระบบสำรองไฟ ช่วยป้องกันความเสียหายจากไฟดับ ไฟกระชาก และแรงดันไฟฟ้าผันผวน อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่จำกัด และจำเป็นต้องเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าของคุณได้รับการปกป้องเต็มประสิทธิภาพ มาดูกันว่าทำไมต้องเปลี่ยน UPS Battery? เปลี่ยนทำไม? เปลี่ยนแล้วดียังไง? และควรเปลี่ยนตอนไหน?
1.แบตเตอรี่ UPS มีกี่ประเภท?
แบตเตอรี่ UPS มีหลายประเภทที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่:
- แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด (Lead-Acid Battery) – เป็นแบตเตอรี่ที่นิยมใช้มากที่สุด มีราคาถูก และสามารถรองรับพลังงานสำรองได้ดี
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-Ion Battery) – มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และมีน้ำหนักเบากว่าแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด
- แบตเตอรี่ Nickel-Cadmium (NiCd) – มีความทนทานสูง แต่มีราคาสูงกว่าประเภทอื่น และมีปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเนื่องจากมีสารพิษ
2.เปลี่ยนแบตเตอรี่ UPSทำไม?
มีหลายเหตุผลที่คุณควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้แก่:
- อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ – โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่ UPS มีอายุการใช้งานประมาณ 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทและคุณภาพของแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่เก่าเกินไป ประสิทธิภาพในการสำรองไฟจะลดลง
- ลดความเสี่ยงของระบบไฟฟ้าขัดข้อง – แบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพอาจไม่สามารถจ่ายไฟสำรองได้เพียงพอ ทำให้เกิดปัญหากับอุปกรณ์ที่ต้องใช้พลังงาน
- รักษาประสิทธิภาพของ UPS – การเปลี่ยนแบตเตอรี่ช่วยให้ UPS ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ป้องกันไฟกระชากและไฟดับได้ดียิ่งขึ้น
- ป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์ – อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ หรือกล้องวงจรปิด อาจได้รับความเสียหายหาก UPS ไม่สามารถสำรองไฟได้เพียงพอ
3.แบตเตอรี่ UPS ใช้งานได้นานแค่ไหน?
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ UPS ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทของแบตเตอรี่ การใช้งาน และสภาพแวดล้อมทั่วไป โดยทั่วไป:
- แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด มีอายุการใช้งานประมาณ 2-5 ปี
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน มีอายุการใช้งานประมาณ 5-10 ปี
- แบตเตอรี่ Nickel-Cadmium (NiCd) สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 10-15 ปี
4.วิธีการชาร์จแบตเตอรี่ที่ถูกต้อง
- ควรใช้ เครื่องชาร์จที่เหมาะสม กับประเภทของแบตเตอรี่ UPS
- หลีกเลี่ยงการ ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพเร็ว
- หลีกเลี่ยงการปล่อยให้แบตเตอรี่ หมดประจุจนเกินไป เพราะอาจทำให้เซลล์แบตเตอรี่เสียหาย
- ควรชาร์จแบตเตอรี่ใน อุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ควรเกิน 25°C เพื่อป้องกันความร้อนสะสม
5.ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ UPS?
- อุณหภูมิ – อุณหภูมิที่สูงเกินไปทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
- การใช้งานหนักเกินไป – การใช้แบตเตอรี่จนหมดบ่อยๆ จะลดอายุการใช้งาน
- การชาร์จผิดวิธี – ชาร์จไม่ถูกต้อง อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
- คุณภาพของแบตเตอรี่ – แบตเตอรี่คุณภาพต่ำมีอายุการใช้งานสั้นกว่าปกติ
6.เคล็ดลับในการยืดอายุการใช้งานตัวแบตเตอรี่ UPS
- ตรวจสอบและบำรุงรักษาแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ
- เก็บ UPS ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงความร้อนสูง
- ใช้แบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับโหลดที่ต้องการ
- หลีกเลี่ยงการใช้ UPS จนแบตเตอรี่หมดประจุบ่อยครั้ง
7.ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ตอนไหน?
การเปลี่ยนแบตเตอรี่ UPS ควรทำเมื่อ:
- UPS แจ้งเตือนว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ – UPS ส่วนใหญ่จะมีไฟหรือเสียงแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมดอายุ
- สำรองไฟได้น้อยลงกว่าปกติ – หาก UPS เคยสำรองไฟได้ 10 นาที แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 2-3 นาที แสดงว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม
- อายุการใช้งานถึงกำหนด – หากใช้ UPS มานาน 2-5 ปี ควรตรวจสอบและเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- แบตเตอรี่บวม หรือมีรอยแตกร้าว – หากพบว่าแบตเตอรี่บวม หรือมีคราบสารเคมีรั่ว ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันอันตราย
- UPS ไม่สามารถสำรองไฟได้เมื่อไฟดับ – หากไฟดับแล้ว UPS ดับตามทันที แสดงว่าแบตเตอรี่ไม่สามารถกักเก็บพลังงานได้แล้ว
8.ทำอย่างไรเมื่อ UPS Battery ไม่ชาร์จไฟ?
เมื่อ UPS Battery ไม่ชาร์จไฟ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งปัญหาจากแบตเตอรี่เองหรือระบบของ UPS การแก้ไขปัญหานี้สามารถทำได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:
8.1. ตรวจสอบการเชื่อมต่อและสายไฟ
- ขั้นตอน:
- ตรวจสอบว่า UPS ถูกเสียบปลั๊กและเปิดสวิตช์อยู่หรือไม่
- ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กที่เชื่อมต่อระหว่าง UPS กับแหล่งจ่ายไฟว่ามีการชำรุดหรือหลุดหลวมหรือไม่
- วิธีแก้ไข:
- เสียบปลั๊กให้แน่น และเปลี่ยนสายไฟหรือปลั๊กที่เสียหาย
8.2. ตรวจสอบอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
- ขั้นตอน:
- เช็กอายุของแบตเตอรี่ UPS โดยทั่วไปแบตเตอรี่ UPS มีอายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปี
- หากแบตเตอรี่มีอายุเกินนี้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ชาร์จไฟ
- วิธีแก้ไข:
- เปลี่ยนแบตเตอรี่ UPS ใหม่
8.3. ทดสอบแบตเตอรี่ด้วยตัวเอง
- ขั้นตอน:
- ถอดแบตเตอรี่ออกจาก UPS และใช้มัลติมิเตอร์วัดแรงดันแบตเตอรี่
- แรงดันปกติของแบตเตอรี่ UPS ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 12V-13.5V (หากต่ำกว่านี้ แสดงว่าแบตเตอรี่อาจเสีย)
- วิธีแก้ไข:
- หากแรงดันต่ำหรือไม่มีไฟเลย ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
8.4. รีเซ็ต UPS
- ขั้นตอน:
- ปิด UPS และถอดปลั๊กออกจากแหล่งจ่ายไฟ
- ถอดแบตเตอรี่ออกประมาณ 5-10 นาที
- ใส่แบตเตอรี่กลับเข้าไปและเสียบปลั๊กใหม่
- วิธีแก้ไข:
- การรีเซ็ตอาจช่วยให้ระบบชาร์จกลับมาทำงานได้ปกติ
8.5. ตรวจสอบระบบชาร์จของ UPS
- ขั้นตอน:
- หากแบตเตอรี่ยังไม่ชาร์จไฟหลังจากลองทุกวิธีแล้ว อาจเป็นปัญหาจาก วงจรชาร์จของ UPS
- วิธีแก้ไข:
- ควรติดต่อศูนย์บริการหรือช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบและซ่อมแซม
8.6. ป้องกันปัญหาในอนาคต
- เคล็ดลับ:
- ตรวจสอบแบตเตอรี่ UPS เป็นประจำทุก 6 เดือน
- หลีกเลี่ยงการใช้งาน UPS ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนหรือชื้น
- ใช้ UPS ให้เหมาะสมกับกำลังไฟของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
หากลองทุกวิธีแล้ว UPS Battery ยังไม่ชาร์จไฟ แนะนำให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบระบบ UPS อย่างละเอียด
9.ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้งาน UPS Battery
การใช้งาน UPS Battery อาจเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ โดยเฉพาะหากผู้ใช้ไม่มีความเข้าใจในการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ต่อไปนี้คือข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีป้องกัน:
9.1. ใช้ UPS ไม่เหมาะสมกับโหลด (Overload หรือ Underload)
- ปัญหาที่เกิด:
- หากใช้ UPS กับอุปกรณ์ที่กินไฟมากเกินไป (Overload) จะทำให้ UPS ทำงานหนักและแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
- หากใช้กับอุปกรณ์ที่กินไฟน้อยเกินไป (Underload) อาจทำให้แบตเตอรี่ไม่ถูกใช้งานเต็มที่และเสื่อมสภาพได้เช่นกัน
- วิธีป้องกัน:
- เลือก UPS ที่มีกำลังไฟ (VA หรือ Watt) เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
- ตรวจสอบโหลดการใช้งานเป็นประจำ
9.2. ไม่ตรวจสอบอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
- ปัญหาที่เกิด:
- แบตเตอรี่ UPS มีอายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปี หากใช้งานเกินอายุจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงหรือไม่ทำงาน
- วิธีป้องกัน:
- ตรวจสอบอายุแบตเตอรี่เป็นประจำและเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เมื่อถึงเวลา
9.3. ไม่ทำการ Calibrate battery
- ปัญหาที่เกิด:
- หากไม่ Calibrate แบตเตอรี่เป็นระยะ เวลาการสำรองไฟอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
- วิธีป้องกัน:
- Calibrate แบตเตอรี่ทุก 3-6 เดือน โดยการปล่อยให้ UPS ทำงานด้วยแบตเตอรี่จนหมด แล้วชาร์จใหม่เต็มที่
9.4. ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
- ปัญหาที่เกิด:
- การใช้งาน UPS ในที่อุณหภูมิสูงหรือมีความชื้นมาก จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
- วิธีป้องกัน:
- ติดตั้ง UPS ในที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม (ประมาณ 20-25°C) และอากาศถ่ายเทได้ดี
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีความชื้นสูงหรือฝุ่นมาก
9.5. ไม่ทำการบำรุงรักษาเป็นประจำ
- ปัญหาที่เกิด:
- หากไม่ตรวจสอบและบำรุงรักษา UPS เป็นประจำ อาจทำให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด เช่น แบตเตอรี่เสื่อมสภาพหรือระบบชาร์จเสียหาย
- วิธีป้องกัน:
- ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่และระบบชาร์จทุก 6 เดือน
- ทำความสะอาด UPS เพื่อป้องกันฝุ่นสะสม
9.6. ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดไฟบ่อยครั้ง
- ปัญหาที่เกิด:
- การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดไฟบ่อยๆ จะทำให้เซลล์แบตเตอรี่เสียหายและอายุการใช้งานสั้นลง
- วิธีป้องกัน:
- หลีกเลี่ยงการใช้งาน UPS จนแบตเตอรี่หมดเป็นประจำ
- ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มหลังจากใช้งาน
9.7. ไม่เข้าใจฟังก์ชันการทำงานของ UPS
- ปัญหาที่เกิด:
- ผู้ใช้บางคนไม่เข้าใจฟังก์ชันการทำงานของ UPS เช่น ไม่รู้ว่า UPS มีระบบบายพาส (Bypass) หรือไม่รู้วิธีสลับไปใช้แบตเตอรี่เมื่อไฟดับ
- วิธีป้องกัน:
- ศึกษาคู่มือการใช้งาน UPS ให้เข้าใจก่อนใช้งาน
- ฝึกใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของ UPS ให้คล่อง
9.8. ไม่เตรียมแผนสำรองเมื่อ UPS ล้มเหลว
- ปัญหาที่เกิด:
- หาก UPS ล้มเหลวโดยไม่มีแผนสำรอง อาจทำให้ข้อมูลหรืออุปกรณ์เสียหายได้
- วิธีป้องกัน:
- มีแหล่งจ่ายไฟสำรองเพิ่มเติม หรือเซฟข้อมูลสำคัญเป็นประจำ
การหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของ UPS Battery และทำให้ระบบสำรองไฟมีประสิทธิภาพตลอดเวลา หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์บริการเพื่อการดูแลที่ถูกต้องค่ะ!
10.UPS Battery หมดอายุแล้วควรทำอย่างไร?
เมื่อ UPS Battery หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ จะไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจส่งผลให้ UPS ไม่สามารถสำรองไฟได้เมื่อเกิดไฟดับ เพื่อความปลอดภัยและการใช้งานที่ต่อเนื่อง ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
1. ตรวจสอบอาการของ UPS Battery ที่หมดอายุ
- ก่อนเปลี่ยนหรือทิ้งแบตเตอรี่ ควรเช็กให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่เสื่อมจริง โดยดูจากสัญญาณเตือนเหล่านี้:
- UPS แจ้งเตือนแบตเตอรี่เสื่อม (Battery Replace Indicator)
- สำรองไฟได้น้อยลง หรือสำรองไฟไม่ได้เลย
- UPS มีเสียงเตือนผิดปกติ หรือไฟแสดงสถานะผิดปกติ
- แบตเตอรี่บวม หรือรั่วซึม (อันตราย ควรเปลี่ยนทันที)
2. เปลี่ยนแบตเตอรี่ UPS ให้เหมาะสม
- หากพบว่าแบตเตอรี่หมดอายุ ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ที่ตรงรุ่นและมีคุณภาพ เพื่อให้ UPS ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยมีข้อแนะนำดังนี้:
- เลือกแบตเตอรี่ที่ตรงกับ แรงดันไฟฟ้า (Voltage) และความจุ (Ah) ของ UPS
- เลือก แบตเตอรี่แท้จากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ เช่น APC, Eaton, CyberPower, Vertiv, Delta
- ตรวจสอบวันที่ผลิตของแบตเตอรี่ ควรเลือก แบตเตอรี่ที่ผลิตใหม่ ไม่เก่าเกิน 6 เดือน
3. กำจัด UPS Battery ที่หมดอายุอย่างถูกวิธี
- เนื่องจากแบตเตอรี่ UPS เป็น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ไม่ควรทิ้งลงถังขยะทั่วไป ควรดำเนินการดังนี้:
- นำไปที่ศูนย์รับคืนแบตเตอรี่เก่า เช่น ร้านขายอุปกรณ์ไอที ร้านขาย UPS หรือศูนย์บริการของแบรนด์
- ส่งไปศูนย์รีไซเคิลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่รองรับการกำจัดแบตเตอรี่อย่างปลอดภัย
- ห้ามทิ้งลงแม่น้ำ คูคลอง หรือเผาทิ้งเอง เพราะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
4. วิธีป้องกันไม่ให้ UPS Battery เสื่อมเร็ว
- เพื่อให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ควรดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
- หลีกเลี่ยงการใช้งานจนแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อยๆ
- ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อไม่ใช้งานเป็นเวลานาน
- เก็บ UPS ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงความร้อนสูง
- ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่เป็นระยะ เพื่อลดการเกิดออกซิเดชัน
11.Battery แต่ละชนิด: คุณสมบัติ การใช้งาน และประเทศผู้ผลิต

แบตเตอรี่ UPS มีหลากหลายแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในตลาด แต่ละแบรนด์มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีที่ใช้และแหล่งผลิต มาดูกันว่าแบตเตอรี่ LEOCH, LONG, HIPOW และ Global Power มีจุดเด่นอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหน
1. Battery LEOCH
แหล่งผลิต: ประเทศจีน
LEOCH Battery เป็นหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่จากประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดยมุ่งเน้นไปที่ แบตเตอรี่ตะกั่วกรด (Lead-Acid Battery), แบตเตอรี่ลิเธียม (Lithium Battery) และแบตเตอรี่เจล (Gel Battery)
จุดเด่นของ LEOCH Battery
- มีหลากหลายประเภท เช่น VRLA, AGM, Deep Cycle และ Lithium
- ใช้เทคโนโลยี AGM และเจล ทำให้มีความปลอดภัยสูงและไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อย
- มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป
เหมาะสำหรับ
- UPS และระบบสำรองไฟ
- ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power)
- รถกอล์ฟและอุปกรณ์ไฟฟ้า
2. Battery LONG
แหล่งผลิต: ประเทศไต้หวัน
แบตเตอรี่ LONG ผลิตโดยบริษัท Kung Long Batteries Industrial Co., Ltd. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่จากไต้หวัน โดยมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในการพัฒนาแบตเตอรี่แบบ VRLA (Valve Regulated Lead-Acid Battery)
จุดเด่นของ LONG Battery
- ใช้เทคโนโลยี AGM (Absorbent Glass Mat) ช่วยป้องกันการรั่วไหลของกรด
- โครงสร้างทนทาน รองรับการใช้งานหนัก
- เป็นแบรนด์ที่ได้รับมาตรฐานสากล เช่น ISO 9001 และ UL
เหมาะสำหรับ
- UPS และเครื่องสำรองไฟฟ้า
- ระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์
- อุปกรณ์ทางการแพทย์ และระบบโทรคมนาคม
3. Battery HIPOW
แหล่งผลิต: ประเทศจีน
แบตเตอรี่ HIPOW เป็นแบรนด์จากประเทศจีนที่ได้รับความนิยมในหมวด แบตเตอรี่สำรองไฟแบบตะกั่วกรด VRLA ซึ่งเหมาะกับการใช้งานใน UPS และระบบพลังงานสำรอง
จุดเด่นของ HIPOW Battery
- ราคาประหยัด และมีอายุการใช้งานยาวนาน
- ใช้เทคโนโลยี AGM ป้องกันการรั่วไหลของกรด
- รองรับการชาร์จและจ่ายไฟได้ต่อเนื่อง
เหมาะสำหรับ
- เครื่องสำรองไฟ UPS
- ระบบเครือข่ายโทรคมนาคม
- ระบบพลังงานฉุกเฉิน
4. Battery Global Power
แหล่งผลิต: ประเทศจีน
แบตเตอรี่ Global Power เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ผลิตจากประเทศจีน โดยเน้นไปที่ แบตเตอรี่ VRLA และ AGM Battery ที่รองรับการใช้งานใน UPS, ระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน และอุปกรณ์ทางอุตสาหกรรม
จุดเด่นของ Global Power Battery
- มีเทคโนโลยี VRLA แบบปิดสนิท ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น
- รองรับการใช้งานในอุณหภูมิที่หลากหลาย
- มีความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
เหมาะสำหรับ
- ระบบสำรองไฟ UPS
- ระบบไฟฉุกเฉิน และโครงข่ายโทรคมนาคม
- ระบบควบคุมอุตสาหกรรม
สรุป

การเปลี่ยนแบตเตอรี่ UPS เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เครื่องสำรองไฟทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ปกป้องอุปกรณ์จากความเสียหายที่อาจเกิดจากไฟฟ้าดับหรือไฟกระชาก หากคุณสังเกตว่า UPS สำรองไฟได้น้อยลง หรือได้รับแจ้งเตือนจากตัวเครื่อง ควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้เร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์และข้อมูลสำคัญของคุณ