
ไฟกระชาก (Power Surge) และไฟตก (Voltage Sag)คืออะไร?
ไฟกระชาก (Power Surge) คือ ภาวะที่แรงดันไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจเกิดจากฟ้าผ่า การเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ หรือปัญหาในระบบจ่ายไฟของการไฟฟ้า ไฟกระชากสามารถทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหายได้ทันทีหรือลดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ในระยะยาว ไฟตก (Voltage Sag) คือ ภาวะที่แรงดันไฟฟ้าลดลงต่ำกว่าระดับปกติเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งอาจเกิดจากการใช้ไฟฟ้ามากเกินไปในระบบ หรือปัญหาทางเทคนิคของแหล่งจ่ายไฟ หากเกิดไฟตกบ่อยครั้ง อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบคอมพิวเตอร์อาจทำงานผิดพลาด หรือเสียหายได้
ทั้งสองกรณีนี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ข้อมูลสูญหายหรือฮาร์ดแวร์เสียหายได้ การติดตั้ง UPS (Uninterruptible Power Supply) จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาดังกล่าว
UPS ป้องกันไฟกระชากและไฟตกอย่างไร?
ไฟกระชาก (Power Surge) และผลกระทบต่อการทำงานของ UPS
1. ระบบกรองและควบคุมแรงดันไฟฟ้า
UPS มี วงจรปรับแรงดันไฟฟ้า (Automatic Voltage Regulation – AVR) ที่ช่วยรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้เสถียร หากเกิดไฟกระชากหรือไฟตก UPS จะปรับแรงดันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก่อนจ่ายให้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์, เซิร์ฟเวอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
2. สำรองพลังงานเมื่อไฟดับ
เมื่อเกิดไฟตกหรือไฟดับ UPS จะทำงานโดยอัตโนมัติและจ่ายพลังงานจากแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่ ทำให้สามารถทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่เกิดการสูญเสียข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้มีเวลาบันทึกงานสำคัญและปิดเครื่องอย่างปลอดภัย
3. ลดแรงดันไฟฟ้าเกิน (Voltage Spike Protection)
UPS มี Surge Protector ที่ช่วยดูดซับพลังงานไฟฟ้าเกิน ซึ่งมักเกิดจากฟ้าผ่าหรือการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้กำลังสูง ช่วยป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากแรงดันไฟฟ้าสูงที่อาจทำให้วงจรภายในเสียหาย
4. การกรองสัญญาณรบกวนไฟฟ้า (EMI/RFI Filter)
UPS บางรุ่นมี ตัวกรองสัญญาณรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Interference – EMI) และคลื่นวิทยุ (Radio Frequency Interference – RFI) ที่ช่วยลดปัญหาสัญญาณรบกวนจากแหล่งกำเนิดภายนอก เช่น เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
5. ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า
UPS ช่วยให้แรงดันไฟฟ้าที่เข้าสู่อุปกรณ์มีความเสถียร ลดความเสี่ยงของความเสียหายจากแรงดันไฟฟ้าผันผวน ซึ่งสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของคอมพิวเตอร์, เซิร์ฟเวอร์, และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้ ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่
อุบัติเหตุและภัยธรรมชาติ
- อุบัติเหตุทางไฟฟ้า เช่น สายไฟขาด, การลัดวงจร, หรือการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังสูงอย่างกะทันหัน
- ภัยธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า, พายุ, แผ่นดินไหว, น้ำท่วม ซึ่งสามารถทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้องหรือแรงดันไฟฟ้าผันผวน
ประเภทของ UPS ที่เหมาะสมกับการป้องกันไฟกระชากกับไฟตก

- Standby UPS (Offline UPS) – เหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์สำนักงานขนาดเล็ก สามารถป้องกันไฟตกและไฟดับได้ แต่มีเวลาตอบสนองที่ช้ากว่า UPS ประเภทอื่น
- Line-Interactive UPS – เหมาะสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก และอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานเสถียร มีวงจรปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ ทำให้สามารถป้องกันไฟตกและไฟกระชากได้ดีกว่า Standby UPS
- Online UPS (Double Conversion UPS) – เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center) และอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงสุด ทำงานโดยเปลี่ยนกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แล้วเปลี่ยนกลับมาเป็น AC อีกครั้ง จึงช่วยให้ไฟฟ้าที่จ่ายออกมามีความเสถียรสูงสุด
คำแนะนำในการเลือก UPS ให้เหมาะกับการใช้งาน
- สำหรับ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงานทั่วไป ควรเลือกใช้ Line-Interactive UPS ที่มี AVR ช่วยควบคุมแรงดันไฟฟ้า
- สำหรับ เซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์เครือข่าย ควรเลือกใช้ Online UPS ที่มีการกรองไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์
- สำหรับ โรงงานอุตสาหกรรมและศูนย์ข้อมูล ควรใช้ Online UPS ที่สามารถจ่ายพลังงานได้อย่างเสถียรและต่อเนื่อง
สรุป
UPS เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าจากความเสียหายที่เกิดจากไฟกระชากกับไฟตก โดยการกรองและปรับแรงดันไฟฟ้าให้เสถียร รวมถึงสำรองพลังงานในกรณีที่ไฟดับ ซึ่งช่วยให้การทำงานของระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ไอทีเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย การเลือก UPS ที่เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาไฟฟ้า การลงทุนใน UPS ที่มีคุณภาพจะช่วยลดความเสียหายของอุปกรณ์และป้องกันการสูญเสียข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากมีข้อสงสัยเรื่องการเลือกซื้อ UPS สามารถอ่านบทความได้ >>ที่นี้<< หรือ ติดต่อสอบถามเรื่องสินค้ากับทางเราได้ที่ Line Add